สร้างระบบที่รองรับเด็ก ไม่ใช่เด็กที่ต้องรองรับระบบ แนวหน้าการศึกษายืดหยุ่นที่ตอบโจทย์ชีวิต โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ทำได้อย่างไร

โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 
ขับเคลื่อนการศึกษายืดหยุ่นเพื่อรองรับเด็กที่ไม่สามารถเรียนเต็มเวลาได้ โดยปรับการเรียน การประเมิน และการดูแลรายบุคคลให้สอดคล้องกับชีวิตจริง แนวทางนี้ช่วยลดการหลุดออกจากระบบ และเปิดโอกาสให้เด็กเดินหน้าการศึกษาต่อได้อย่างมีศักดิ์ศรี

เด็กไม่ได้อยากหลุด แต่ชีวิตไม่เปิดทางให้เขาอยู่ในห้องเรียน
บิวเป็นเด็กคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสจากการศึกษายืดหยุ่น กรณีของบิวสะท้อนว่า เด็กหลุดจากระบบไม่ใช่เพราะไม่เห็นคุณค่าการเรียน แต่เพราะความยากจนและภาระครอบครัว การศึกษายืดหยุ่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตเขามีทางเลือกมากขึ้น

-เมื่อชีวิตคือพื้นที่เรียนรู้ การประเมินต้องยุติธรรมกับชีวิตนั้น
งานในร้านวัสดุก่อสร้างของบิวถูกเทียบโอนเป็นหน่วยการเรียนรู้ ครอบคลุมวิชาหลักและทักษะชีวิต ผ่านการประเมินร่วมกับครูและนายจ้าง การเรียนรู้จึงเกิดขึ้นในพื้นที่จริง ไม่จำกัดอยู่แค่ห้องเรียน

บางครั้งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เกิดจากสิ่งที่ดูเรียบง่าย การศึกษายืดหยุ่นที่โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งอาจไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนโครงการใหญ่โตข้ามชาติ แต่มันเปลี่ยนชีวิตของเด็กคนหนึ่งได้จริงๆ และเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่าระบบการศึกษาที่ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” มันเป็นไปได้ แค่เราต้องยอมเปลี่ยนวิธีคิด

บิว เด็กผู้ชายวัย 16-17 ปี หลุดจากระบบมานานพอสมควร เรื่องของเขาบอกเราชัดๆ ว่า การดึงเด็กกลับมาเรียนไม่ใช่แค่การไปหาเขาแล้วบอกว่า “กลับมาเรียนเถอะนะ” มันต้องเป็นการปรับระบบทั้งหมดให้เดินตามเขาทัน

เด็กไม่ได้หายไปเพราะไม่อยากเรียน เขาหายไปเพราะชีวิตไม่ได้อนุญาตให้เขาอยู่ในห้องเรียน

บิวเกิดมาในครอบครัวที่รายได้น้อย สูญเสียพ่อ ส่วนแม่ก็ต้องแบกภาระดูแลบิวและน้อง ครอบครัวของบิวเป็นบ้านไม้ไผ่ที่ผุพัง ลมแรงๆ หน่อยก็เกือบจะพาบ้านหลังนั้นปลิวไป บิวคือเด็กที่ครูรัติยา กฤษดานนท์ ครูผู้ดูแลประสานงานเคสการศึกษายืดหยุ่น โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้ง เล่าว่า “เจอเรื่องหนักเกินวัย” 

บิวต้องออกไปช่วยครอบครัวตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถม พอขึ้นมัธยมเขาก็เริ่มเรียนไม่ทันเพื่อนคนอื่น นั่นยิ่งทำให้บิวขาดเรียนบ่อยขึ้นอีก จนในที่สุดก็หายหน้าหายตาไปเป็นปี

ถ้าหากวันนี้โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งไม่มีระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นพอ เขาคงไม่มีวันกลับมาอีก

รัติยา กฤษดานนท์

พื้นที่ความยืดหยุ่นที่ก่อตัวก่อนนโยบาย

โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้ง ถือเป็นโรงเรียนในเขตชนบทห่างไกลใน จ.ราชบุรี ด้วยลักษณะเชิงเศรษฐกิจสังคมของพื้นที่ ทำให้ครอบครัวจำนวนมากไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เด็กหลายคนต้องทำงานควบคู่ไปกับการเรียน

ในบริบทแบบนี้ เด็กที่หลุดออกจากระบบไม่ใช่ “ตัวปัญหา” เขาเป็นผลลัพธ์ตรงไปตรงมาของความยากจนต่างหาก

โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งรู้ดี ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีทำงาน เด็กที่หลุดไปแล้วจะไม่มีวันกลับมา

แนวความคิดนี้ก่อตัวในใจของผู้บริหารและคณะครูของโรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งมาก่อนที่จะมีโครงการการศึกษายืดหยุ่นอย่างเป็นทางการเสียอีก เมื่อก่อนนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนก็เริ่มลงพื้นที่ “ตามหาเด็กหลุด” ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ลงไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมบ้าน เรียกเด็กกลับมาทำกิจกรรม ให้ทำงานในโรงเรียนเพื่อให้เด็กยังมีที่ยืน ประคับประคองให้เด็กยังอยู่ในสายตา แม้ไม่ได้มาเรียนสม่ำเสมอ

พอโครงการ “1 โรงเรียน 3 รูปแบบ” เข้ามา ทุกอย่างก็ต่อยอดได้ทันที เพราะโรงเรียนทำมาก่อนแล้ว เพียงแต่ตอนนี้มีกรอบ มีระบบ และมีงบประมาณพอให้ทำต่อเนื่อง

และเด็กที่ได้รับการโอกาสให้กลับมาต่อยอดการเรียนได้อีกครั้ง ก็มีบิวรวมอยู่ด้วย

จากเด็กที่หายไปเป็นปี กลายเป็นเด็กที่ขอวิชางานเพิ่มด้วยตัวเอง

ตอนที่โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งเข้าร่วมโครงการการศึกษายืดหยุ่น ครูคิดถึงบิวทันที ไม่ใช่เพราะเขา “มีปัญหา” แต่เพราะครูรู้ว่าเขามีศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้

โรงเรียนติดต่อเขาผ่านเพื่อน ผ่านครอบครัว และเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง บิวก็พูดตรงๆ ว่าเขายังอยากเรียน แต่ชีวิตไม่เคยให้โอกาสเขาได้เรียนแบบเพื่อนคนอื่น

โรงเรียนเลยจัดโครงสร้างการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นเต็มรูปแบบให้ 

โดยบิวจะเข้ามาโรงเรียนสัปดาห์ละวัน เพื่อพบครูและเก็บคะแนน รับ-ส่งใบงานผ่านไลน์กับครูแต่ละวิชา ใช้โน้ตบุ๊กจากโครงการทรูปัญญาเพื่อเรียนออนไลน์และทบทวนบทเรียน มีห้อง “ล้อมหลัง” ที่จัดไว้สำหรับเด็กยืดหยุ่นโดยเฉพาะ มีคอมพิวเตอร์และสื่อการสอนพร้อม 

ใบงานถูกรวมตัวชี้วัดเพื่อลดภาระ แต่ยังคงมาตรฐานไว้ครบ และที่สำคัญคือเทียบโอนประสบการณ์การทำงานของเขาที่ร้านวัสดุก่อสร้าง เช่น:

– การคำนวณค่าจ้างและต้นทุน เทียบโอนเป็นวิชาคณิตศาสตร์ 
– การยกของ จัดสินค้า เทียบโอนเป็นวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน การงานอาชีพ  
– การขายและสื่อสารกับลูกค้า เทียบโอนเป็นวิชาภาษาไทย สังคมศึกษา  
– การคำนวณพื้นที่และจำนวนวัสดุ เทียบโอนเป็นวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ เป็นต้น

การประเมินผลก็ทำผ่านการสัมภาษณ์และนายจ้าง โรงเรียนประสานกับผู้ประกอบการเพื่อบันทึกพัฒนาการของเด็กอย่างเป็นระบบ

แล้วผลที่ได้ล่ะ? บิวเริ่มเข้าโรงเรียนบ่อยกว่าที่กำหนดเสียอีก และถามครูเองว่า “วันนี้มีงานให้ผมเก็บเพิ่มไหมครับ?”

เด็กที่เคยหนีโรงเรียน กลับมาเป็นเด็กที่ขวนขวายที่สุดในกลุ่ม

เด็กเปลี่ยนได้ เมื่อเขารู้ว่าโรงเรียนไม่ได้รอให้เขาปรับตัว แต่โรงเรียนปรับเพื่อรองรับเขาจริงๆ

ในกระบวนการเรียนการสอนแบบยืดหยุ่น ครูรัติยา พบว่า สิ่งที่เชื่อมให้เด็กอยากมาเรียนได้มากที่สุด ไม่ใช่ใบงาน ไม่ใช่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนสนับสนุนให้ แต่คือ “การเปิดพื้นที่ที่ให้เขาได้พูด” 

ทุกครั้งที่บิวเข้ามาโรงเรียน เขาต้องเช็คอินกับครู พูดคุยว่ารู้สึกยังไง เจออุปสรรคอะไรบ้าง และอยากทำอะไรให้สำเร็จในสัปดาห์หน้า

เมื่อได้รับความดูแลใส่ใจแบบนี้ เด็กที่เคยดูเหมือนประชดชีวิต ก็เริ่มตั้งใจ เริ่มขยัน และกลับมาเห็นคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง

เพราะเขาสัมผัสได้ว่า เขาถูกมองเห็น

ถอดบทเรียนจากอนุบาลสวนผึ้ง : สร้างระบบที่รองรับเด็ก ไม่ใช่เด็กที่ต้องรองรับระบบ

สำหรับโรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งนั้น เพื่อรองรับเด็กเข้าสู่การศึกษายืดหยุ่น สิ่งที่โรงเรียนตัดสินใจทำคือ “การออกแบบใหม่ทั้งระบบ” ซึ่งได้แก่

โครงสร้างการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นจริง ไม่ใช่แค่ยืดหยุ่นบนกระดาษ ให้เด็กเลือกส่งงานตามจังหวะชีวิตได้ แต่ต้องเก็บตัวชี้วัดครบ

ประเมินผลจากชีวิตจริง มองว่างานในร้านก่อสร้างไม่ใช่งานพาร์ตไทม์ธรรมดา มันคือแหล่งเรียนรู้

ครูทุกคนร่วมกันออกแบบใบงานและตัวชี้วัด ทุกวิชามีส่วนถักทอสู่เป้าหมายเดียวกันใน ID Plan ของเด็ก

เชื่อมสัมพันธ์ครู-เด็กให้แน่นแฟ้น ไม่ใช่เพื่อความซาบซึ้ง แต่เพื่อให้รู้ว่าต้องช่วยเด็กตรงไหน

การศึกษายืดหยุ่นไม่ได้หมายความว่าลดมาตรฐาน มันคือการเลิกยัดเยียดมาตรฐานแบบเดียวกันให้เด็กทุกคนต่างหาก

นอกจากเรื่องการจัดการการเรียนรู้แล้ว คำถามซึ่งเหล่าโรงเรียนที่จัดการศึกษายืดหยุ่นมักได้รับเสมอ คือ เรื่องประเมิน ว่าทำได้ถึงมาตรฐานไหม?

ในกรณีของโรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งนั้น ผู้อำนวยการและครูที่นี่ไม่เคยคิดจะให้เด็ก “ผ่านไปเฉยๆ” โดยโมเดลยืดหยุ่นของที่นี่ออกแบบมาอย่างชัดเจน 

ไม่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดทุกวิชาที่ยังคงอยู่ครบ แต่ถูกปรับให้รวมหลายตัวชี้วัดไว้ในใบงานชิ้นเดียว ส่วนประสบการณ์การทำงานของเด็กจะถูกเทียบโอนอย่างเป็นระบบ การเรียนออนไลน์และการส่งงานผ่านไลน์ก็ถูกใช้เป็นช่องทางหลัก และเด็กต้องเข้ามาพบครูอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อเช็คอินและติดตามความคืบหน้า

นี่คือ “มาตรฐานที่ปรับให้เข้ากับเด็ก” ไม่ใช่ “มาตรฐานที่ลดให้เด็ก” ครูรัติยา เปิดเผย

บิววันนี้: เด็กที่เชื่อว่าอนาคตเกิดขึ้นได้ แม้ชีวิตจะไม่ได้เริ่มต้นดีนัก

วันนี้ บิวเก็บวิชาของ ม.1 และ ม.2 ใกล้ครบทั้งหมดแล้ว เริ่มเก็บ ม.3 ล่วงหน้า และตั้งใจว่าจะจบภายในเวลาที่กำหนด เพื่อไปทำงานที่มั่นคงกว่าเดิม

เขาเคยตอบคำถามเช็คอินกับครูรัติยา ว่า “อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง” 

คำตอบนี้เรียบง่าย แต่มันคือคำตอบของเด็กที่รู้สึกว่าชีวิตมีทางไปต่อ

การศึกษายืดหยุ่นไม่ได้ทำให้บิวเรียนเก่งขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่มันให้อนาคตกับเขา และนั่นสำคัญกว่ามาก

ถ้าโรงเรียนทุกแห่งทำได้แบบนี้ เราจะไม่ต้องถามซ้ำว่า ‘ทำไมเด็กถึงหลุดจากระบบ?’

เพราะความจริงคือเด็กไม่ได้อยากหลุด ระบบต่างหากที่หลุดจากชีวิตเด็กมานานแล้ว

โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เมื่อโรงเรียนยอมยืดหยุ่น เด็กก็กลับมายืนได้เอง เมื่อผู้บริหารลงมือทำ เด็กก็ไม่กลายเป็นแค่ตัวเลขสถิติ และเมื่อครูฟังเด็กจริงๆ การเรียนรู้ก็เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของชีวิต

นี่ไม่ใช่เรื่องของบิวคนเดียว 

มันคือภาพสะท้อนที่บอกว่า “การศึกษาไทยสามารถกลับมาเป็นของทุกคน” ได้จริง หากโรงเรียนยอมเริ่มต้นก่อน

โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ปรับรูปแบบการจัดการศึกษาให้ยืดหยุ่นตามบริบทชีวิตของผู้เรียน ทั้งด้านการเรียน การประเมิน และการดูแลรายบุคคล ช่วยให้เด็กที่มีข้อจำกัดด้านเวลาไม่หลุดจากระบบ และยังสามารถก้าวต่อในเส้นทางการศึกษาได้อย่างมั่นใจ
หากโรงเรียนหรือครูต้องการข้อมูล หรือคำแนะนำเชิงปฏิบัติในการจัดการศึกษายืดหยุ่นสามารถปรึกษาแบบตัวต่อตัวได้ที่ LINE OA กสศ.การศึกษายืดหยุ่น คลิก