ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank)

ระบบที่สามารถเก็บสะสมหน่วยกิตหรือผลการเรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ เช่น การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย ประสบการณ์การทำงาน การฝึกอบรม การทดสอบ และการประเมินผล

ระบบนี้มีประโยชน์ในการรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับสูงขึ้นและช่วยต่อยอดในการทำงานเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิต มีงานทำ และมีรายได้ที่สูงขึ้น

  • เทียบโอนได้: นำผลการเรียนรู้ เช่น ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ การทำงาน การฝึกอบรม การทดสอบและการประเมินมาเทียบโอนกันได้
  • สะสมได้: นำผลการเรียนรู้ ความสามารถ และสมรรถนะมาเทียบหน่วยกิตและสะสมในคลังหน่วยกิตได้ตามหลักเกณฑ์
  • พัฒนา/เปลี่ยนได้: บุคคลที่ต้องการพัฒนาความรู้และสมรรถนะเฉพาะทางหรือต้องการเปลี่ยนอาชีพ สามารถเข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานหรือหลักสูตรที่ได้รับการรับรอง
  • ไม่มีเงื่อนเวลา: ลงทะเบียนเรียนและสะสมหน่วยกิตได้ตลอดชีวิต โดยไม่มีเงื่อนไขของระยะเวลาในการสะสมและระยะเวลาในการศึกษา
  • ลงทะเบียนได้มากกว่า 1 แห่ง: สามารถลงทะเบียนและสะสมหน่วยกิตในสถาบันการศึกษามากกว่า 1 แห่ง และสะสมหน่วยกิตในคลังหน่วยกิตจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และประสบการณ์ส่วนบุคคล

รูปแบบการศึกษาที่เชื่อมโยงกับธนาคารหน่วยกิต

  • การศึกษาในระบบ
  • การศึกษานอกระบบ
  • การศึกษาตามอัธยาศัย

ระดับและประเภทการศึกษาที่เชื่อมโยงกับธนาคารหน่วยกิต

  • ระดับก่อนประถมศึกษา
  • ระดับประถมศึกษา
  • ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
  • ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา
  • ระดับอุดมศึกษา

ประสบการณ์บุคคลที่เชื่อมโยงกับธนาคารหน่วยกิต

  • ความรู้
  • ความสามารถ
  • ทัศนคติ
  • สมรรถนะ

5 หลักการของธนาคารหน่วยกิตในประเทศไทย

  1. ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ไม่จำกัดเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และอาชีพ
  2. พัฒนา/เปลี่ยนได้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ
  3. เรียนตามเวลาที่สะดวก ไม่มีกรอบเวลามากำหนด
  4. เทียบโอนผลการเรียนได้จากทั้งการศึกษาในระบบ, การศึกษานอกระบบ, และการศึกษาตามอัธยาศัย
  5. สะสมผลการเรียนได้มากกว่า 1 แห่ง

แนวทางการเทียบโอนหน่วยกิต

ในปี พ.ศ. 2546 ได้มีการกำหนดหลักการและแนวทางการเทียบโอนผลการเรียน เพื่อให้สถานศึกษาสามารถดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนได้อย่างเหมาะสมและเกิดเป็น “แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเทียบโอนผลการเรียนเข้าสู่การศึกษาในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2549”

กระทรวงศึกษาธิการได้ออกระบบแนวทางการเทียบโอนที่หลากหลาย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการศึกษาต่อเนื่องได้นำความรู้ ทักษะ หรือประสบการณ์ มาขอเทียบโอนผลการเรียนเพื่อเข้าสู่หลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งโดยไม่ต้องเสียเวลาเริ่มต้นใหม่

สถานศึกษาที่รับนักเรียนเข้าเรียนในฐานะผู้ทำหน้าที่เทียบโอนผลการเรียน และสถานศึกษาที่ผู้เรียนนำความรู้หรือผลการเรียนรู้มาขอโอนในฐานะผู้ส่งต่อ ต้องดำเนินการดังนี้

  1. จัดทำระเบียบหรือแนวปฏิบัติในการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษา
  2. หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้อนุมัติการเทียบโอน หรืออาจแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีความรู้
  3. จัดทำเอกสาร/หลักฐานเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการเทียบโอนผลการเรียนและการประเมิน
  4. ผู้ขอเทียบโอนผลการเรียนต้องสมัครเป็นนักเรียนในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนก่อน
  5. สถานศึกษาต้องมีผู้ประเมินที่มีความเที่ยงตรงและถูกต้องตามหลักวิชา
  6. ผู้ขอเทียบโอนต้องมีเวลาเรียนในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย 1 ภาคเรียน

อ้างอิง

  • รายงานเรื่อง “ธนาคารหน่วยกิต” โดย ธัญญา เรืองแก้ว